Sunday, October 4, 2015

วิจารณ์ภาพยนตร์ - Movie Review : The Martian - กู้ตาย 140 ล้านไมล์


จั่วหัวแบบนี้ จะด่ากันมั้ย : "The Martian คือเรื่องราวในห้วงอวกาศที่ดีเยี่ยมในแง่ของการเล่าเรื่อง ครบถ้วนทางรายละเอียดของเหตุการณ์แบบไม่ตกหล่น คนชมจับทุกอย่างได้ทัน แต่... ความสนุกในเชิงภาพยนตร์น้อยมาก มีแค่ท้ายเรื่อง ถ้ามันคือสารคดี จะให้10/10 เลย  แต่มันคือภาพยนตร์จอเงิน ขอให้ 6/10 พอละกัน"


**Spoiler Alert**
ภาพยนตร์ที่ดัดแปลงจากนิยายขายดีชื่อเดียวกันของ Andy Weir เล่าถึงภารกิจสำรวจดาวอังคารของยาน Ares3 ที่นำนักบินอวกาศที่มีความเชี่ยวชาญด้านต่างๆไป 6 นาย 1 ในนั้นคือ Mark Watney (Matt Damon) นักพฤกษศาสตร์  ระหว่างการเข้าร่วมภารกิจในวันที่ 18 บนดาวอังคาร ก็บังเอิญเกิดพายุรุนแรงขึ้นจนทีมนักสำรวจต้องล่าถอยและทิ้งภารกิจนี้ไว้ พร้อมกับ Mark Watney ที่เพื่อนนักสำรวจที่เหลือทั้ง 5 คนเข้าใจว่าตายแล้ว ไว้บนดาวอังคารเพียงลำพัง

ผกก. Ridley Scott ไม่ใช่ ผกก.ในดวงใจของเราเท่าไหร่ หลังจากงานช่วงหลังๆของฮีค่อนข้างน่าผิดหวังมากกว่าน่าชื่นชม งานชั้นครูอย่าง Blade Runner หรือ Alien คือมาตรฐานที่สูงส่งมาก จนอดเทียบไม่ได้ ความอยากดูหนังที่ฮีกำกับไม่เคยอยู่ในหัวเรามานาน จนได้มาเห็น The Martian และคำวิจารณ์ในมุมบวก และคะแนนจาก IMDb ที่สูงมากถึง 8.5 ซึ่งถ้าคะแนนไม่ตก มันจะขึ้นชั้นกลายเป็น 100 หนังยอดเยี่ยมตลอดกาล... นั่นคือเหตุผลที่เราตัดสินใจเข้าไปดูในโรงภาพยนตร์

พอดูจบแล้ว สิ่งหนึ่งที่เราคิดว่า มันทำให้หนังเรื่องนี้เป็นที่นิยมและถูกใจมากกว่าหนังอวกาศเรื่องอื่นๆ (ที่เราว่าดีกว่า) อย่าง Interstellar หรือ Gravity คือความต่อเนื่องของการเล่าเรื่องที่ดีเยี่ยม คนดูทุกคน ไม่ต้องคิดตามมากจนเหนื่อย ไม่ต้องเดาหรือนึกย้อนกลับไปที่ไหน ก็เข้าใจและตามเส้นเรื่องได้ทัน พร้อมกับรับชมความสนุกสนานระหว่างการดำเนินเรื่องไปเรื่อยๆตั้งแต่ต้นจนจบได้ครบทุกเม็ด อันนี้คือข้อดีเด่นที่สุดของ The Martian 

งานภาพดี การผลิตดี บันทึกเสียงดี และดนตรีประกอบใช้ได้ ( เราคิดว่า เหมือนเอาสไตล์เสียงประกอบมาจาก Interstella เบาๆว่ะ) ดูสมจริง น่าเชื่อถือ 

แมต เดมอน ในบท Mark Watney เล่นดีมากนะ คือบทเหมือนจะส่งเสริมให้เล่นใหญ่ แต่ฮีก็เล่นออกมากำลังดี อันนี้ชอบ
เจสสิกา แชสทีน ในบทผู้ Melissa Lewis มีพลังนะ ไม่เยอะ แต่ปังมาก
เจฟ แดเนี่ยล มารับบท ผอ. นาซ่า ดูกวนตีน เย่อหยิ่ง และเป็นผู้นำที่เด็ดขาดดี ชอบสายตาฮี 
นักแสดงที่เหลือ ไม่ค่อยได้ออกมาเด่นแล้ว ก็เฉลี่ยๆบทกันไปิพราะดาราเยอะมากกกก 


โอเค ทีนี้มาถึงอะไรที่ไม่ถูกใจ 

เส้นเรื่องน้่นแหละ มันราบเรียบ และตรงเผงมาก มากจนไม่ตื่นเต้น แถมเหตุการณ์ต่างๆที่เกิดขึ้นที่น่าจะเป็นจุดหักของการดำเนินชีวิตของตัวละครต่างๆ ซึ่งจะมีผลต่อความสนุกของคนดู ก็ช่างไม่ตื่นเต้นเอาซะเลย ทุกเรื่องราวมันดู ... เออ มันก็ได้นิ เออ มันมีอันนี้นิ เออ เดี๋ยวไอ้นี่จะมาช่วยนิ อะไรแบบนี้ คือมันมีคำตอบของคำถามมารองรับเหตุการณ์ตลอดแบบทันท่วงที แบบไม่ต้องให้คนดูได้มีเวลาคิดและมโนเอาเองเลยว่า เห้ย เดี๋ยวมันจะทำไงต่อวะเนี่ย เจอแบบนี้เข้าไป !!! นั่นคือสเน่ห์ของการชมภาพยนตร์นะ คือการทิ้งคำถามหรือประเด็นในเหตุการณ์ต่างๆให้คนดูลุ้นในใจว่า มันจะเป็นยังไงต่อ ซึ่ง The Martian ไม่มีเลย แม้แต่ตอนท้ายเรื่องที่พีคมาก ก็ยังลุ้นน้อยมากกว่าหนังอวกาศเรื่องอื่นๆ นี่แหละที่เราไม่ชอบ

หนังย่าง Gravity (2013) ถ้าใครดูมาแล้ว จะเข้าใจว่า อะไรคือการลุ้นและตั้งคำถามในหัวไปพร้อมๆกับการชมภาพยนตร์ และมันสนุกที่ได้คิดในใจว่า เห้ย น่ากลัวมากกกก มันจะจับเชือกทันมั้ย มันจะรอดมั้ย เห้ยยยย หลุดแล้วววววว อะไรแบบนี้อะ มันคือการมีส่วนร่วมเป็นหนึ่งเดียวกับภาพยนตร์ ซึ่งใน The Martian  ถึงเราจะลุ้นนิดๆกับตัวละครก็จริง แต่มันไม่ถึงกับอิน เพราะด้วยเส้นเรื่องและจังหวะหนัง มันมีคำตอบที่เรารู้แน่ๆรออยู่ทันทีตลอดทั้งเรื่อง  

ถ้าจะบอกว่า มันคือ Apollo 13  บวกกับ Gravity  ที่เอาความโชคร้ายทั้งหมดออก แล้วใส่แต่ความโชคดีเข้าไป พร้อมการเล่าเรื่องแบบสารคดี ออกลูกมาเป็น The Martian ก็คงไม่ผิด


สรุป : หนังอวกาศที่ควรไปดู เป็นหนังที่เล่าเรื่องดีมาก แต่ไม่ใช่หนังสนุกที่เรารัก