Friday, June 13, 2014

วิจารณ์ภาพยนตร์ - Movie Review : Maleficent - กำเนิดนางฟ้าปีศาจ




Maleficent (2014)

Kobe's Meter : 6.5/10

อย่าเพิ่งคิดอะไรไปก่อน เมื่อเห็นคะแนนแค่ 6.5 จากเรา เพราะมันตัดสินอะไรไม่ได้จนกว่าคุณจะอ่านจบ

คือ บอกตามตรงว่า ไม่ได้คาดหวังอะไรกับหนังเรื่องนี้เท่าไหร่อยู่แล้ว หลังจากที่ดู Trailer มา ซึ่งก็พยายามนะ จะให้ดูดาร์ค ดูดำ  "แต่" เพราะมันคือดีสนีย์ ค่ายหนังซึ่งยากเหลือเกินที่จะปล่อยให้หนังของตัวเอง "ดำมืด" มันจึงไม่ได้ดำมืดอย่างที่หวัง ไม่สะใจคนหัวรุนแรง บ้ากาม และหมั่นไส้คนสวยอย่างเราเลย!!!

แต่ มันก็สนุก สวยงาม โลกน่าอยู่ ฟรุ้งฟริ้ง ถูกใจเหล่าตุ๊ดแป้งเด็ก เกย์ออฟฟิศขึ้นบีทีเอสผู้สะสมเมคอัพ และเหล่าชะนีผู้เพ้อฝันแบบยิ้มเดินออกจากโรง ส่วนผู้ชายอกสามศอกอะเหรอ ... มึงรีบกลับบ้านไปดูบอลโลกเหอะ กูเตือนแค่นี้นะ

ผมขอแบ่งออกเป็นข้อดีและข้อเสียตามความเห็นส่วนตัวดังนี้ครับท่านประยุทธ์^_^




...จุดเด่น...

1. Angelina Jolie Pitt คือรูปโฉมของ Maleficent ที่ตรึงตาตรึงใจคุณผู้ชมอย่างสะพรึงตะลึงเพริ่ด เราจะจำนางโจลี่ในภาพลักษณ์นี้ไปจนวันตายแบบลืมว่านางเคยเป็น ลาร่า ครอฟท์ ไปเลย ให้ตายเถอะ

นอกจากภาพลักษณ์แล้ว นางก็ยังมีพลังมากพอ ขนาดที่ต่อให้ไม่มีเทคนิค CG มาช่วยเวลานางร่ายคาถา คนดูก็เชื่อและกลัวกันหัวหดแน่ ว่านางกำลังจะเสกหนังควายแก่เข้าท้องกูแหงๆ สายตา ท่าทาง น้ำเสียง และอากัปกริยาทุกอย่างของนาง ช่างสมบูรณ์เหลือเกิน จนต้องถือว่าเป็นส่วนที่ดีที่สุดของ Maleficent เลยก็ว่าได้

2. เทคนิคด้านภาพ สวยงาม ดูดีสนีย์มาก ... แล้วก็  อืมมมม แค่นั้น

3. น้อง Elle น่ารัก แก้มป่อง ดูแบ๊วใสมากเวลาแย้มสรวญ เหมาะนะ กับการเป็นเจ้าหญิงออโรร่า

4. 3 นางฟ้า ตลกเฉิ่มเบอะแบบไม่มีพิษภัยดี ใสๆ ขำหุหุแบบโลกสวย พี่ปุ๋ยรักเด็ก

5. ฉากต่อสู้ก็ ... โอเคนะ แฟนตาซีดี

6. เพลงธีมหลัก Once Upon a Dream ที่ยัยสวย Lana Del Ray ร้องนั้นหลอนหลอกดั่งห้องหุ่น ฟังแล้ว อืมมม ยานอนหลับฝันร้ายชัดๆ เข้ากับหนังดีครับ






ทีนี้ มา ...จุดด้อย... ซึ่ง เหมือนสปอยล์นิดๆนะ

1. สุดท้าย หนังดีสนีย์ก็คือหนังดีสนีย์ คือการเก็บกลุ่มลูกค้าแบบเหมารวม คือกูกะทำเงินอะ และก็แบบ เอามาขายได้อีกเรื่อยๆ เน้นเด็ก สตรี คนชราไร้คู่ แต่ไม่ฉีกแนว ไม่ดาร์ค ไม่กล้าเล่นแรงๆกับความรู้สึกคน เหมือนนางเอกทักษอรที่ต้องแอ๊ฟแบ๊วตลอดเวลา ถึงแม้ว่าชีวิตจริงเธอจะเป็นยังไงก็ตาม แต่ต่อหน้าผู้คน เธอต้องยิ้มหวานให้คนเห็นตลอด ซึ่งมันก็เป็น identity ของค่ายดีสนีย์ดี ... แต่แหม พี่กล้ากลับตาลปัตรบทดั้งเดิมและความเชื่อเดิมๆที่คนมีขนาดนี้แล้ว ฉีกหน้านังแม่มดมะลิจนเปลี่ยนไปขนาดนี้ พี่กล้าอีกหน่อยเหอะ ที่จะเปลี่ยนให้มันสุดขั้วไปเลยได้ปะ

2. และอีกมุมนึง ก็ไอ้การที่พี่เล่นหักล้างความเชื่อเดิมๆของคน ที่มีต่อแม่มด Maleficent ไปขนาดนี้ พี่คิดว่า คนดู Sleeping Beauty ยุคปี 1959 จะคิดยังไง !! คือแบบ Maleficent เนี่ย เป็นตัวร้ายที่ร้ายอย่างที่ไม่มีศีลธรรมในใจเลยนะ คือนางเป็นตัวแทนของฝ่ายมืด ฝ่ายต่ำที่ชัดเจนมาครึ่งศตวรรต พอมาปี 2014 โอ้คุณพระ !!! มันไม่เหลือเลยอะ อันนี้มันเป็นดาบสองคม  คือมันเปลี่ยนแนวทางการนำเสนอให้แปลกใหม่และน่าสนใจได้จริง

แต่แบบ ... ต่อไปนี้ Maleficent จะไม่ใช่แม่มดใจร้ายอีกต่อไป เข้าใจป่ะ?!   เมื่อเด็กๆเข้าไปในดีสนีย์แลนด์ เด็กๆจะยิ้ม และกล้าเข้าไปเล่นเมื่อเห็น Maleficent ในพาเหรด แทนที่จะกลัวเหมือนเมื่อก่อน

มันเหมือนบอกกูว่า จริงๆแล้ว วูฟเวอรีนเป็นตุ๊ดหลังจากมีชีวิตมานานเกินไป เลยเริ่มชอบเล่นหำเด็ก อะไรแบบเนี้ย มันคือการตีความใหม่ที่ลบล้างคาร์แรคเตอร์แบบสุดขั้วไปหน่อยอะ

3. ดนตรีประกอบ เชยระเบิดเลยเหอะ ได้ยินมาจากหลายต่อหลายเรื่องละ อันนี้ไม่ดีไม่เอา

4. บทสรุปที่ เอิ่มมมม ถ้าดีสนีย์เรื่องไหนมีเจ้าหญิง มีเจ้าชาย มึงต้องจบแบบนี้สินะ ...

5. **อันนี้สปอยล์จัดเต็ม** คือการเอาคีย์เวิร์ด A kiss from true love มาใช้ในบทหนังใหม่นี้ มันคุ้นๆป่ะ ?!?!?!  ใครเป็นแฟนพันธุ์แท้ดีสนีย์ต้องเกตเลย คือ แม่งเหมือนในหนัง Box Office ที่ดังและเป็นกระแสจริงจังมากทั้งโลก เรื่องล่าสุดของดีสนีย์เปี๊ยบ  เรื่อง เรื่อง เรื่อง......... ?   ปล่อยมานปาย อย่าซ่อนเร้นนนน ไงครับคุณตำรวจ !!! ปมของเรื่องถูกคลี่คลายได้ด้วยวิธีเดียวกันเป๊ะ!!   ไม่สร้างสรรค์เลยค่ะคุณ


ขอสรุปแบบนี้ละกันว่า

Maleficent เป็นหนังที่ดูสนุกมากเรื่องนึง และทุกคนควรดู เพราะคนรอบข้างคุณเค้าก็คงดูกันหมด ถ้าไม่ดูจะเชยเต่า  และหนังไม่ได้ตุ๊ดมากอย่างที่ตุ๊ดหลายคนพยายามจะสื่อ ว่านี่เป็นหนังคุณแม่ หนังของกู หนังไอดอลกู #ผิวขาวออร่าแบบดารา อะไรทั้งสิ้น มันก็เป็นหนังแฟนตาซีสำหรับทุกเพศทุกวัย  เว้นแค่ผู้ชายไม่ควรไปดูคนเดียว หรือไม่ควรไปดูกันแต่เฉพาะชายล้วน ควรไปดูกับแฟน กิ๊ก หรือน้องสาว เพราะไม่งั้น สายตาคนในโรงจะหันมามองคุณแล้วคิดในใจ ' หน้างี้กล้าเป็นตุ๊ดเนอะ ' เอาได้ง่ายๆครับ

และสุดท้ายหลังหนังจบ สิ่งที่จะตรึงใจคุณก็คือ Angelina Jolie-Pitt    ...... แล้วมันก็แค่นั้นอะ 555


...เกร็ดน่ารู้...

- นี่เป็นหนังเรื่องแรกในรอบ 4 ปี ที่นางโจลี่-พิตต์แสดง หลังจากเรื่อง The Tourist เมื่อปี 2010  นางหายไปรักษาตัวจากโรคซึมเศร้า ที่มีผลมาจากการเป็นมะเร็งทรวงอกของเธอ

- ลูกสาวของนางที่มีกับผัวหล่อนาง มาแสดงเป็นน้องหนูออโรร่าในวัยหัดพูดด้วยนะ น้องชื่อ Vivienne Jolie-Pitt จะบอกว่า หน้าน้องเหมือนพ่อมาก


- นางโจลี่ มีส่วนร่วมในหลายๆเรื่องใน Maleficent ทั้งเรื่องการแต่งหน้า เสื้อผ้า และคิวบู๊ ซึ่งนางบินเองทุกฉากนะครับ นางว่างั้น  / หรือแม้แต่เรื่องการเลือกคนที่จะมาขับร้องเพลง Once Upon a Dream นางก็จงใจเลือก Lana Del Ray ด้วยความชอบส่วนตัวของนาง

- การแต่งหน้าของ Maleficent ได้รับแรงบันดาลใจมาจาก Lady GaGa เมื่อครั้งนางทำอัลบั้ม Born This Way อันนี้ ทีมเมคอัพของภาพยนต์ออกมาให้สัมภาษณ์เอง เราไม่ได้#ใบเตย เอาเองแต่อย่างใด



ขอบคุณที่ติดตาม

แสดงความเห็นได้เต็มสูบเลยครับ



ป ลิง .. ในงานเปิดตัวที่ไทย ณ สยามพารากอน นั้น ได้กำหนดให้ ญาญ่า หญิงมาแต่งองค์เป็น Maleficent ได้อย่างเหมือน เพราะเธอได้รับหน้าที่พากย์เสียงไทยให้กับตัวละครนี้พอดี
แต่หลังจากดูจบแล้ว เดินออกจากโรง ผมพบว่า มีคนที่เหมือน Maleficent แบบแทบจะไปแสตนอินนางโจลี่ได้เลย   ดาราไทยท่านนั้นคือ พี่ตุ๊ก ญาณี ครับ แต่งหน้านิดเดียว เป๊ะเว่อร์ ... ฟันธง!!!
















Wednesday, June 11, 2014

วิจารณ์ภาพยนตร์ - Movie Review : Edge Of Tomorrow : ซุเปอร์นักรบดับเทพอสูร



Edge of Tomorrow (2014)

Kobe'Meter 8.5/10

หนังทุนสร้าง 120 ล้านเหรียญ ของ ผกก. และผู้อำนวยการสร้างฝีมือดี Doug Liman จาก Bourne ทั้ง 3 ภาคแรก บวกกับ Tom Cruise และ Emily Blunt ทำให้หนังที่มีพี่ทอมมาเล่น ยังดูน่าสนใจอยู่ไม่น้อยในสายตาคอหนัง ในขณะที่คงมีหลายคนบ่นอุบ เกรงว่าจะไม่ตูมตามเหมือน Oblivion (2013) ที่ก็ดีไม่หยอก แต่ออกจะเข้าใจยากและจบแบบไม่ตรงตรรกะคนหมู่มากเท่าไหร่ ทำให้กระแส Edge of Tomorrow ไม่เปรี้ยงปร้าง ทั้งๆที่หน้าหนังใหญ่โตไม่แพ้ นังแม่มดมะลิ ที่เข้าตามตูดมาแบบตั้งใจฆ่ากันชัดๆ

คะแนน 8 กว่าๆจาก IMDB ไม่ได้จะเกิดขึ้นบ่อยนัก ถ้าหนังไม่ดีจริง เราเลยตัดสินใจไปดู



ขอชี้แจงข้อดีของหนังเป็นข้อๆโดยไม่สปอยล์  (ไปกว่าในเทรลเลอร์) ดังนี้

1. บทหนังดี ดัดแปลงมาจากการ์ตูนญี่ปุ่น แต่ออกมาเป็นหนังฮอลลีวูดได้เนียน เนียนกว่าหนังดัดแปลงจาก MANGA เรื่องอื่นๆในอดีตอย่างชัดเจน  ดูสนุก ไม่ขัดตรรกะทางความคิดของหมู่มวลมนุษยชาติ และที่สำคัญ คือไม่ซ้ำ

2. มันเป็น Sci-Fi ที่กลมกล่อม เอื้อมถึง มีเหตุผลพอให้เชื่อ ไม่ซับซ้อนและเกินกว่าจะเป็นจริงได้ในอนาคตอันใกล้  ทำให้คนดูเชื่อและคล้อยตามจนรู้สึกได้จริงตามที่หนังสื่ออกมา

3. หนังไม่น่าเบื่อเลยแม้สักช่วง สนุก ตื่นเต้น ลุ้นต่อเนื่องกันตลอด 113 นาที ถึงแม้บทมันจะดูเหมือนต้องมีช่วงเบื่อก็ตาม โดยเฉพาะธีมหลักของการย้อนกลับของเวลาครั้งแล้วครั้งเล่า ไม่น่าเบื่อเลย แถมตลกมากๆด้วย เอาสิ

4. ภาพสวย เทคนิคCGเยี่ยม งานออกแบบตัวละคร และเครื่องแบบหุ่นรบ ถือว่าดีผ่านมาตรฐาน แต่ชอบตัว Alien มากๆ เก๋ดีอะ

5. นักแสดง พี่ทอม และเอมิลี่ เคมีลงตัวมาก เล่นดี เหมาะสม ไม่ขัดใจเลย โดยเฉพาะทอม เป็นคนเล่นหนังเก่ง แสดงเก่ง ไม่ผิดหวังในบทแอคชั่น

6. จังหวะหนังดี ผกก.เก่ง ควบคุมอารมณ์และความคล้อยตามได้ถูกจังหวะ บทตื่นเต้นก็ดันๆๆๆจนระส่ำ บทผ่อนคลายก็ให้คนดูได้หายใจกำลังดี ที่สำคัญ ไม่มีบทอัศจรรย์เวิ่นเว้อที่ไม่จำเป็นโผล่มาให้เห็นเลย  ดีอ่ะ นี่มันหนังแอคชั่นนะเว้ย ไม่ต้องมีอะดีแล้ว

7. เดาไม่ออกเลย ว่ามันจะเกิดอะไรขึ้นต่อไป คือบทหนังแยบยลมาก คนดูเดาทางได้ยากมาก เพราะพลอตค่อนข้างแปลกใหม่

8. ไม่มีอะไรให้รู้สึกว่าจับผิดได้เลย ละเอียดทุกจุด ติดนิดเดียวตอนจบ กำลังหาเหตุผลอยู่ว่าทำไม พี่ทอมถึงได้ ...!...!...!... 555 ไม่สปอยล์นะ

เกร็ดน่ารู้

- Emily Blunt ท้องอ่อนๆตอนหนังปิดกล้องแล้ว และอยู่ในช่วงถ่ายซ่อม  นางไม่บอกใครเลย จนพี่ทอมสงสัย เพราะตอนแรกนางเล่นคิวบู๊เองหมด แต่พอถ่ายซ่อม นางดันไม่ยอมเล่น ขอใช้สแตนอินทั้งหมด นางเลยบอกพี่ทอม เพราะถือว่าเป็นคนที่ต้องเข้าฉากด้วยกันเยอะที่สุด  แล้วพี่ทอมก็ช่วยนางปิดจนหนังปิดกล้องจริง 100%

- ใน Manga ญี่ปุ่น เหตุการณ์เอเลี่ยนบุก เกิดขึ้นที่ Tokyo โดยที่พระเอก ไม่ใช่ William Cage ชาวอเมริกันแบบในหนัง แต่เป็น Keiji Kiriya ทหารหนุ่มชาวญี่ปุ่นต่างหาก