Monday, March 23, 2015

รีวิว - Review : Aēsop B triple C Balancing Gel



แจกรางวัลให้ #F นะ .. กับ #bigNONO #อีกศพ กระปุกนี้ แถมราคาสูงปรี๊ดที่ $161AUS • ส่วนผสมที่ดีมีแค่อย่างเดียวคือ วิตามิน C ที่เยอะพอทำปฏิกิริยากับผิว • แต่ก็มาพร้อมด้วยน้ำมันหอมระเหยหลายชนิดที่กลิ่นสดชื่นใจจัง แถมมีแอลกอฮอลล์สูงเกิน 15% • แล้วผิวจะดีได้ไง เหมือนกินน้ำเสาวรสคั้นสดพร้อมแจ็คแดเนี่ยล คงจะดีต่อตับสินะ • แถมยังมาในกระปุกแบบนี้ เปิดทีเดียวพออากาศเข้าไป วิตามิน C ที่เคลมว่าดีก็หายไปเกือบหมดละ • สรุปว่า #Aēsop กระปุกนี้ราคาแพงเว่อร์ และใช้แล้วหน้าพังระยะยาว • แต่ถ้าใครรวยจัด ซื้อมาแต้มสิวอักเสบดีนะ เพราะกลิ่นและฤทธิ์ในการฆ่าเชื้อจากน้ำมันหอมระเหยก็ใช้ได้ผลเลย • แต่เราขอซื้อ CM โลชั่นโง่ 59 บาทดีกว่า ^^ สงสัยว่า แบรนด์อย่าง  Aēsop • Jurlique (พังกว่าอีกกก) หรือพวกที่เน้นว่ามาจาก Essential Oil ทั้งหลายเนี่ย คงจะต้องใช้แค่ครีมทามือ ลิปส์บาล์ม น้ำมันล้างหน้า อะไรแค่นี้แหละที่ดี เพราะเน้นกลิ่นอะ  #kobereview #skincarereview #livinglonger
ขอบคุณ @s_i_a_n_g ที่ให้มาลองนะจ้ะ

วิจารณ์ภาพยนตร์ - Movie Review : Cinderella - ซินเดอเรลล่า



Cinderella (2015)

Kobe's Meter 10/10

ภาพยนตร์จากเทพนิยายที่ตีความได้ตั้งแต่อมยิ้มจนถึงผ้าอนามัยใช้แล้วของพี่น้องกริมม์  ที่ทำออกมาได้สมบูรณ์ที่สุด เป็นนางซินในปี 2015 ที่เก็บทุกเม็ดของเวอร์ชั่นดั้งเดิมเมื่อปี 1950 มาแบบไม่เสียของ แต่กลับมาปลุกฝันในวัยเด็กยุคไร้มลภาวะให้กลับมามีชีวิตชีวาอีกครั้ง เป็นงานดีของดิสนีย์ที่ควรให้คะแนนเต็ม ต่างจาก Frozen สุดฟรุ้งฟรี้งอันแสนน่าเบื่อ หรือ Maleficent ที่ตีความใหม่จนด้านมืดที่เป็นของตรงข้ามกับด้านสว่างหายไปหมดจนโลกสวยเกินไป   

Cinderella 2015 คือการทำของที่ดีอยู่แล้วให้สดใสขึ้น และพัฒนารายละเอียดให้ผู้ชมได้เสพกันได้อย่างอิ่มเอมขึ้นในรูปแบบคนแสดง  และในขณะที่บางคนมองว่า มันซำ้ซากและน่าเบื่อที่จะต้องมาดูเรื่องที่รู้กันอยู่แล้วว่าหัว-หางเป็นยังไง แถมไม่เปลี่ยนอะไรเลย  เรากลับคิดต่างว่า Cinderella เป็นของ Classic ถ้าไปเปลี่ยน มันก็ไม่ใช่ และอะไรที่ดีงามอยู่แล้ว  ก็แค่ทำออกมาใหม่ให้มีคุณค่าขึ้น  ถ่ายทอดให้คนสมัยใหม่ได้เข้าใจมากขึ้นก็พอ สี่แผ่นดิน ดีงามอย่างไร ทำออกมากี่ครั้งก็ไม่ต้องไปเปลี่ยนอะไรก็ดีงามอย่างนั้นถูกมั้ย เหมือนละครเวทีระดับโลกอย่าง Cats หรือ Wicked  เค้าก็แสดงกันทุกค่ำคืนมาหลายสิบปี เปลี่ยนทีมแสดงแต่ก็แทบไม่เคยเปลี่ยนบทละคร  แต่คนที่เข้าไปชม ก็ยังอยากไปชมอีกซ้ำๆ  ก็มันดีอยู่แล้ว จะดูกี่ทีมันก็ดีงามนะเราว่า ถ้าชอบแบบตีความใหม่  ก็ไปดู Into The Wood  อะไรแบบนั้นไปเลยดีกว่า  **คหสต

ผกก. Kenneth Branagh คือนักแสดง ผกก ผู้ผลิต ภาพยนตร์ สามีของคุณนาย Emma Thomson นะ และฮีก็ทำหนังดีหลายเรื่องมากที่ได้กล่องแต่ไม่ได้เงินนี่เยอะมาก แต่ถ้าเอาแบบขึ้น BoxOffice จริงจังก็ Thor 2011 ฮีเป็นคนขอทำโปรเจคต์นี้กับดิสนีย์แบบออกตัวแรง เพราะฮีบอกว่า ด้วยเนื้อเรื่องและเหตุการณ์ต่างๆที่ฮีมอง Cinderella มันต้องเกิดขึ้นแถวๆ Ireland บ้านฮีแน่ๆ เชื่อฮีสิ อืมมม มิน่า สำเนียงในภาพยนตร์ถึงช่างเป็นไปทางนั้นมากกกก

ทีนี้มาที่ดารานะ 

น้อง Lily James ที่ดูจากใบปิดแล้วรู้สึกว่านางไม่งามเท่าไหร่  แต่เอาจริงๆ พอเห็นนางแค่ยิ้มเท่านั้นแหละ น้องสวยงามมาก น่ารักจนอยากมอบใจให้เลยจริงๆ ยิ้มสดใสฟันจอบขาวจั๊ว คิ้ว ตา ดูเป็น Cinderella ที่ดีที่สุดแล้ว ดีใจที่ Emma Watson ไม่เลือกบทนี้ แล้วไปจับบท Belle ใน โฉมงามกับเจ้าชายอสูร ปี 2017 แทน  

ส่วนพ่อพระเอก เจ้าชาย (ที่ในภาพยนตร์ไม่ใช้ Charming แล้ว) ที่แสดงโดยตา Richard Madden หรือ ที่น่าจะคุ้นๆกันดีกับบท Robb Stark ใน Game of Thrones ก็หล่อดี ตาสีฟ้าสุกสกาวชวนให้หลงใหล แต่ใครๆก็เอาแต่พูดถึงเป้าอูมๆตุงๆนั่นกันจนแทบไม่มองหน้า คือกางเกงผ้าสเปนเดกส์แบบนี้ ใครใส่ก็เห็นหำแบบนี้กันถ้วนหน้า สงสารจัง  หุหุ 

แม่เลี้ยงใจร้าย คุณนาย Cate Blanchett ก็สวยงาม เลอค่า และน่าตบอยู่ไม่หยอก แต่เอาจริงๆ นางใช้สายตาหนักหน่วงมากในการแสดงเรื่องนี้ หาได้ over-act ไม่ ซึ่งก็ทำได้ดีตามการ์ดพลังด้านการแสดงที่นางมีมาแบบเต็มเปี่ยมอยู่แล้ว สายตานางทำให้เราเชื่อว่า อีนี่มันต้องแอบเอาของในบ้านออกไปขายแลกเงินแน่ๆ  แต่คือนางสวย ชุดนางโอต์กูตูร์จริงจัง แพงสุดในเรื่อง บอกเลย

สุดท้ายที่พูดถึงสักหน่อย นางฟ้าแม่ทูนหัว ป้า Helena Bonham Carter มารับบทได้น่ารัก ยวนยี และเพี้ยนเบาๆ เป็นหนึ่งในมุขตลกสวยๆในเรื่องที่น่าจดจำ แถมนางคือ narrator ของเรื่องด้วย เสียงนางล้วนครับ


เรื่อง production ไม่ต้องคิดมาก อลังการ เว่อร์วัง และหรูหรา
เสื้อผ้า หน้า ผม เยี่ยมมาก รองเท้าแก้วเวอร์ชั่นนี้ ถ้าเทียบกับ Ever After สมัย Drew Barrymoore ดูแพงและใส่ไม่ได้จริงกว่ามากมาย แต่มันสวยว่ะ ยอม  รถฟักทอง และอุปกรณ์ประกอบราชรถ สวยงามวิจิตร ฉากแปลงร่างที่ได้เซลเลอร์มูนมาสอนหมุนตัว เป็นอะไรที่ตระการตามาก  ฉากท้องพระโรง ก็ปกติ แต่พระราชวังที่มองจากมุมสูงนั้น ทำให้คันอยากไปเที่ยวยุโรปเดี๋ยวนี้ มันสวยมาก 


แต่สิ่งสำคัญเหนือสิ่งอื่นใด คือความรู้สึกที่ได้รับจากภาพรวมทั้งหมดของภาพยนตร์ ที่เหมือนเปิดสมุดภาพนิทานสี่สีเก่าๆทีละหน้าทีละหน้า แต่โดดเด้งออกมาสมจริงขึ้นข้างหน้าเรานี่แหละ ที่เรายอมให้ไปเลย 10 คะแนนเต็ม  


"Have courage and be kind" อาจเป็นเรื่องยากที่จะยึดมั่นและกระทำ แต่ถ้าเราทำได้ เราก็จะงดงามไม่แพ้ Cinderella นะเคอะ 

จบ  

ปล. ตอนจบท้ายเครดิต ยัยป่วง Helena Bonham Carter จะบ่นออกมาว่า "อ้าวว  คนหายไปไหนกันหมดเนี่ย" ถ้าจะรอฟังก็เชิญ